ความสำคัญของผ้าเช็ดรถ ต้องเลือกใช้อย่างไรให้ถูกประเภทและปลอดภัย?

เพิ่มความรู้คนรักรถ ควรใช้ผ้าเช็ดรถแบบไหนดี รู้จักผ้าชามัวร์ ผ้าไมโครไฟเบอร์ ต่างกันอย่างไร เลือกผ้าเช็ดรถแบบไหนถึงจะเหมาะ ราคาผ้าชามัวร์แพงจริงไหม เก็บรักษาผ้าเช็ดรถอย่างไร ในฐานะผู้ใช้รถอย่างเราๆแล้ว เมื่อมีความคิดจะล้างรถขึ้นมาสักครั้ง ไอ้ครั้นจะไปหยิบผ้าขี้ริ้วในบ้านมาใช้ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะผ้าเช็ดรถที่ดีจะต้องเช็ดได้เนียนกริบไม่เป็นรอยขนแมว โดยที่นิยมใช้กันก็คือผ้าชามัวร์ และผ้าไมโครไฟเบอร์ เราควรเลือกผ้าเช็ดรถแบบไหนถึงจะเหมาะกับรถและวัตถุประสงค์ในการล้างรถ และผ้าเช็ดรถทั้งสองประเภทต่างกันอย่างไร 1.ผ้าชามัวร์ คืออะไร? ผ้าชามัวร์ หรือหลายคนเรียกว่า ผ้าหนังเลียงผา คุณสมบัติโดดเด่นคือดูดซับน้ำได้ดีกว่าผ้าธรรมดาถึง 8 เท่า เช็ดแล้วไม่ทิ้งคราบน้ำ และไม่มีรอยขนแมวบนสีรถด้วย แต่ด้วยผ้าชามัวร์แท้มีราคาที่สูง ปัจจุบันจึงมีผ้าชามัวร์วิทยาศาสตร์ หรือเป็นหนังสังเคราะห์ ราคาก็จะอยู่หลักสิบถึงหลักร้อยต้นๆ เท่านั้น และข้อสำคัญผ้าชามัวร์ใช้สำหรับขั้นตอนล้างรถและเช็ดแห้งเท่านั้นนะครับ ไม่เหมาะกับการเคลือบสี หรือล้างฝุ่นคราบหนัก วิธีการใช้ผ้าชามัวร์1.1 ผ้าชามัวร์มาใหม่แกะกล่อง ต้องนำไปชุบน้ำให้เปียก ต้องให้ผ้าชามัวร์อ่อนนุ่มเสียก่อน ห้ามนำไปเช็ดรถด้วยผ้าชามัวร์ที่แห้งแข็ง ไม่งั้นรถต้องเป็นรอยแน่นอนครับ2.1 เมื่อใช้งานเรียบร้อย รถแห้งสะอาดสมใจแล้ว ต้องทำความสะอาดผ้าชามัวร์ด้วยสบู่ หรือแชมพูล้างรถ ห้ามใช้ผงซักฟอกเด็ดขาด เพราะผ้ามีความเปราะบาง และจะเสียคุณสมบัติในการดูดซับน้ำไป3.1 บิดผ้าให้หมาด โดยไม่ต้องตากแห้ง เก็บลงกล่องทั้งที่ยังหมาดนั่นแหละครับ ไม่ต้องกลัวขึ้นรา หากผ้าสะอาดก็ไม่ต้องกังวลอะไร4.1 ก่อนใช้ผ้าชามัวร์ทุกครั้ง นำผ้าไปชุบน้ำอีกครั้งก็ดีครับ เผื่อผ้าส่วนไหนแห้งจะได้ไม่สร้างรอยขนแมวให้กับสีรถด้วย […]

Read more
เคลือบสี VS เคลือบแก้ว VS ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ “แบบไหนเหมาะกับรถที่สุด”

แน่นอนว่าการดูแลรักษารถยนต์ให้ดูใหม่เงางามอยู่เสมอนั้น ช่วยให้เราสัมผัสกับความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับคนรักรถ ปัจจุบันมีการดูแลรักษาสีรถยนต์หลายรูปแบบทั้งการเคลือบสี เคลือบแก้ว และการติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ การดูแลรักษารถยนต์แบบไหนเหมาะกับตนเองหรือไลฟ์สไตล์ของเรา———วันนี้มีข้อมูลดีๆมาแชร์ครับ การเคลือบสีรถยนต์ เป็นการขัดแว๊กซ์ (Wax) และลงน้ำยาเคลือบผิวรถยนต์ เพื่อป้องกันสีผิวรถยนต์จาก ฝุ่น น้ำ ฝน รอยเปื้อนต่างๆ เพื่อความเงาสวยให้กับรถยนต์ เคลือบเพื่อเสริมความเงาให้มีความแวววาวมากยิ่งกว่าเดิม ทำหน้าที่เสมือนฟิล์มบางๆ ฉาบผิวรถยนต์ของคุณไว้ การเคลือบสีรถยนต์นั้นมีทั้งแบบ สเปรย์น้ำ และก็แบบเนื้อครีมหรือเนื้อขี้ผึ้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับความสบายของผู้ใช้งาน โดยส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำยาและการใช้งาน เหมาะกับคนที่ล้างรถเป็นประจำสม่ำเสมอ การเคลือบแก้ว การเคลือบแก้ว เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในการปกป้องสีรถยนต์ได้ยาวนานกว่าการเคลือบ Wax มีส่วยประกอบหลักของ ซิลิกา หรือ ซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ซึ่งเป็นสารประกอบของผลึกแก้ว หรือ Quartz ลงบนผิวชั้นแลคเกอร์ของรถเพื่อเพิ่มความหนาและการปกป้อง ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาจากชั้นแลคเกอร์ และมีความแข็ง จุดเด่นของการเคลือบแก้วนั้นคือเพื่อปกป้องรถคุณจากคราบสกปรก คราบน้ำสิ่งสกปรก ป้องกันการเกิดรอยขนแมวจากการใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ให้ลึกลงไปถึงแลคเกอร์ของสีรถของคุณ ช่วยให้รถคุณยังมีความเงางามของสี ดูเงา ฉ่ำ และเปร่งประกายอยู่เสมอ โดยส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำยาและการใช้งาน ซึ่งถ้าหากได้รับการดูแลต่อเนื่องอย่างถูกต้องสามารถอยู่ได้นานถึง […]

Read more
วิธีเตรียมการใช้งานกาพ่นสีรถยนต์ และข้อควรระวัง

ในการเตรียมใช้กาพ่นสีสำหรับพ่นสีรถยนต์ คุณจะต้องรวบรวมจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นมาก่อนให้พร้อม รวมทั้งเตรียมพื้นผิวของรถอย่างเหมาะสมเพื่อให้การทำงานทำได้อย่างราบลื่น โดยขั้นตอนทั่วไปที่ควรทำก่อนจะปฏิบัติงานจะมีดังนี้ครับ – จัดเตรียมรวบรวมวัสดุอุปกรณ์ คุณจะต้องเตรียมการใช้สี ทินเนอร์ กระดาษกาวและกระดาษ กระดาษทราย สีรองพื้น กาพ่นสีและเครื่องปั๊มลม ที่จะใช้งานให้พร้อมก่อน สำหรับการทำงานไม่จะไม่ติดขัดและอาจจะทำให้งานเสียได้เมื่อขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป – ทำความสะอาดพื้นผิวของรถ ท่านควรทำความสะอาดพื้นผิวรถของตัวรถหรือพื้นที่ที่ต้องการทำงานให้สะอาดหมดจดเสียก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่น เศษผง หรือสิ่งปนเปื้อนที่อาจส่งผลต่อการยึดเกาะของสีรถที่อาจจะเกิดปัญหาสีไม่ค่อยติด หรือเกิดการเปราะของชั้นสีได้ง่ายและไม่เรียบเนียนในการเก็บงานครั้งสุดท้าย – ขัดผิวรถ ท่านอาจะใช้กระดาษทรายแบบละเอียดทำการขัดผิวรถให้หยาบ ซึ่งจะช่วยให้สีรถติดได้ดีขึ้น และทำให้ชั้นของสีมีความไม่หนาจนเกินไปและทำให้พื้นสีมีความเป็นธรรมชาติที่สุดและง่ายต่อการพ่นสีให้ติดทนมากยิ่งขึ้น – มาสก์ปิดพื้นที่ ควรใช้กระดาษมาสก์และกระดาษปิดเพื่อป้องกันพื้นที่ของรถที่คุณไม่ต้องการทำสี เช่น หน้าต่าง ขอบประตู และที่จับประตู หรืออื่น ๆ ที่อาจจะเปื้อนละอองสีได้ และทำให้ทำงานได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ – ใช้ไพรเมอร์ เพื่อเคลือบผิวรถและสร้างฐานที่เรียบสำหรับพื้นผิวของสีที่ทำการพ่นลงไปเคลือบไว้ – เตรียมกาพ่นสี ให้ทำการเติมสีและทินเนอร์ลงไปในกาพ่นสีตามคำแนะนำและข้อบ่งใช้ของผู้ผลิต ทำการปรับแรงดันลมและการไหลของของไหลให้เป็นค่าที่แนะนำสำหรับประเภทของสีและกาพ่นสีที่คุณใช้อย่างเหมาะสมเสียก่อน – ทดสอบฉีดสเปรย์ ทำการฉีดพ่นบริเวณที่ทำไว้เพื่อทดสอบเล็กๆ ของรถเพื่อตรวจสอบการไหล รูปแบบรอยพ่น และการครอบคลุมที่เหมาะสม ทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นก่อนที่จะเริ่มพ่นทาสีจริง ๆ  – เริ่มทำการพ่นสี ควรเริ่มพ่นสีจากจุดบนก่อนเช่นจากหลังคาและไล่ลงมาจากตัวรถโดยใช้การเคลื่อนไหวแบบทางยาวและทางลาดกวาดเพื่อลงสี ทับซ้อนกันเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าไล่โค้ทเท่ากันและจะได้ความเป็นระนาบเดียวกันของสี – ทำความสะอาด ให้ทำความสะอาดกาพ่นสีให้สะอาดมาที่สุดหลังการใช้งานเพื่อป้องกันการอุดตันของสีที่แห้งและรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้ได้เหมือนใหม่อยู่เสมอและเก็บรักษา ให้อยู่ในที่ ๆ มีอุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ร้อนและชื้นเกินไป สิ่งสำคัญคือต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากาก […]

Read more
การเลือกกาพ่นสีสำหรับรถยนต์ เลือกอย่างไรถึงจะเหมาะกับการใช้งาน

วัตถุประสงค์หลัก ๆ ของ กาพ่นสี ในงานออโตโมทีพ หรือในรถยนต์ กาพ่นสีรถยนต์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพ่นสีหรือสารเคลือบของเหลวอื่นๆ กับพื้นผิวของยานพาหนะ โดยทั่วไปแล้วจะใช้ปั๊มลมอัดเพื่อทำให้สีเป็นละอองละเอียด ซึ่งสามารถทาได้ทั่วถึงกับพื้นผิวของรถ กาพ่นสีมีหลายขนาดและหลายสไตล์ และสามารถใช้ได้ทั้งงานพ่นสีรถยนต์ระดับมืออาชีพและงาน DIY ทั่วไปของช่างที่มีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเลือกเครื่องพ่นสีรถยนต์ ให้พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ: 1. ประเภทของเครื่องพ่น: เครื่องพ่นสีรถยนต์มี 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ HVLP (ปริมาณมาก แรงดันต่ำ) LVLP (ปริมาณน้อย แรงดันต่ำ) และแบบไม่ใช้อากาศ เครื่องพ่น HVLP และ LVLP เหมาะที่สุดสำหรับงานที่มีรายละเอียด ในขณะที่เครื่องพ่นแบบไร้อากาศจะดีกว่าสำหรับพื้นผิวขนาดใหญ่ 2. แหล่งพลังงาน: เครื่องพ่นสีรถยนต์สามารถใช้พลังงานจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่ พิจารณาว่าแหล่งพลังงานใดจะสะดวกที่สุดสำหรับการใช้งานและตำแหน่งของคุณ 3. ความจุ: พิจารณาขนาดของภาชนะบรรจุสีและปริมาณสีที่สามารถบรรจุได้ ภาชนะขนาดใหญ่จะช่วยประหยัดเวลาในการเติม แต่อาจหนักกว่าในการจัดการ 4. ขนาดหัวฉีด: ขนาดของหัวฉีดกำหนดรูปแบบการพ่นและความหนาของสี สำหรับการพ่นสีรถยนต์ ให้เลือกเครื่องพ่นที่มีขนาดหัวฉีดเล็กลงสำหรับงานที่มีรายละเอียด และขนาดหัวฉีดใหญ่กว่าสำหรับพื้นผิวที่ใหญ่ขึ้น 5. ความสามารถในการปรับได้: มองหาเครื่องพ่นสารเคมีที่มีการตั้งค่าแบบปรับได้สำหรับรูปแบบการพ่นและการไหลของสี เพื่อให้สามารถควบคุมและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้นในการพ่นสีของคุณ 6. […]

Read more